เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
เครื่องฟอกอากาศ” เลือกอย่างไร? ให้คุ้มค่าที่สุด
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้หลักการเดียวกับพัดลมโดยดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่อง ให้อากาศผ่านระบบการกรองอากาศ ก่อนจะปล่อยอากาศกลับมาด้านนอก โดยระบบเครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้กัน คือเครื่องฟอกอากาศระบบที่กรองอากาศด้วยแผ่นกรองอากาศ ซึ่งในตลาดก็มีให้เลือกหลายราคา หลายขนาด หลายแบรนด์ ด้วยกัน ทั้งนี้การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศก็ต้องดูหลายๆ ส่วนประกอบกันแล้วนำมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย โดยมีแนวทางการเลือกซื้อดังนี้
อันดับแรกสุดเมื่อต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศ คือต้องรู้ว่าเราจะซื้อเครื่องฟอกอากาศไปวางไว้ที่ห้องไหนและห้องนั้นจะมีขนาดกี่ตารางเมตร เพื่อเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่รองรับกับขนาดของห้อง อย่างไรก็ตามควรเลือกขนาดการรองรับที่ใหญ่กว่าขนาดห้อง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น เช่น ถ้าห้องใหญ่ 20 ตารางเมตร ก็ควรเลือกรุ่นที่รองรับห้องที่ขนาด 20-25 ตารางเมตรขึ้นไป จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
มีค่า 2 ตัวที่เราใช้เลือกเวลาซื้อเครื่องฟอกอากาศ ตัวแรกเรียกว่าค่า CADR (Clean Air Delivery) หรือค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที ยิ่งมีตัวเลขสูงยิ่งฟอกอากาศได้ดี และค่า Air Flow หรือค่าความเร็วลม เป็นค่าที่บอกว่าเครื่องสามารถกรองอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วแค่ไหน ยิ่งมีตัวเลขสูงยิ่งฟอกอากาศได้เร็ว ในการเลือกซื้อก็สามารถใช้ตัวเลข 2 ค่านี้เพื่อเปรียบเทียบรุ่นที่สนใจได้
ไส้กรองจัดเป็นหัวใจหลักของเครื่องฟอกอากาศเลยก็ว่าได้ นอกจากแผ่นกรองอากาศขั้นแรกแล้ว ยังมีแผ่นกรองอากาศพิเศษที่ใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้สามารถกรองฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น หรือกรองสิ่งอื่นๆได้ด้วย โดยมีแผ่นกรองที่เห็นได้บ่อยๆ ดังนี้
แผ่นกรองอากาศ HEPA (High Efficiency Particulate Air)
เป็นแผ่นกรองที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กมากๆได้ หรือก็คือกรองฝุ่น PM 5 ได้นั้นเอง ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่มีแผ่นกรองอากาศ HEPA สำหรับการแก้ไขปัญหาอากาศแย่ๆในช่วงนี้นะครับ
แผ่นกรองคาร์บอน (Carbon Filter)
เป็นแผ่นกรองที่สามารถกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นสี หรือกลิ่นน้ำยาเคมีต่างๆได้ ใครที่ชอบเอาอาหารเข้ามาทานในห้องหรือห้องมักได้กลิ่นเหม็นมาจากข้างบ้าน ก็ควรเลือกรุ่นที่มีแผ่นกรองชนิดนี้ด้วย
แผ่นกรองอากาศแบบออลอินวัน (All-in-/one Air Filter)
เป็นแผ่นกรองอากาศแบบรวมแผ่นกรองหลายๆแบบมาใส่ไว้ในชุดเดียวกัน มีในเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก ซึ่งก็ง่ายและสะดวก แต่ถ้าถึงอายุการใช้งานก็ต้องเปลี่ยนอย่างเดียวเลย เพราะแกะมาล้างไม่ได้ ใครที่หาเครื่องฟอกอากาศในรถ ก็เลือกรุ่นที่ใช้แผ่นกรองแบบนี้ได้
แผ่นกรองอากาศชนิดพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีแผ่นกรองอากาศเสริมพิเศษอย่าง แผ่นกรองสารก่อภูมิแพ้ (Allergen Filter) ที่ช่วยกรองเชื้อโรคอย่างละอองเกสรดอกไม้ ตัวไรฝุ่น, แผ่นกรองสารเคมี (Photocatalyst Filter) ที่ช่วยกรองพวกสารเคมี ซึ่งจะเหมาะกับพวกโรงงานมากกว่า ตรงนี้ก็เลือกตามความต้องการที่ใช้ได้เลย แต่ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นไปด้วย
ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ควรจะเลือกแบบที่มีฉลากไฟเบอร์ 5 และมีระบบเปิดปิดเครื่องอัตโนมัติเพื่อให้ประหยัดพลังงาน มีการลักษณะปลั๊กเสียบเป็นอย่างไรหรือมีการใช้แบตเตอรี่แทน สามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนหรือรีโมทได้ไหม มีรูปร่างและน้ำหนักที่ใหญ่มากน้อยแค่ไหน สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องได้ง่ายไหม มีดีไซน์ที่หากวางในบ้านจะดูเข้ากับการตกแต่งบ้านรึเปล่า รายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากฟังก์ชั่นการฟอกอากาศแล้วเครื่องฟอกอากาศยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆที่ใส่เข้ามาในด้วย เพื่อประสิทธิภาพและความสะดวกที่มากขึ้น
เครื่องฟอกอากาศ อัจฉริยะ JARTON ระบบไฟฟ้าสถิต
นอกจากการเปรียบเทียบราคาของเครื่องในตอนซื้อแล้ว อุปกรณ์ต่างๆ ย่อมมีอายุการใช้งานที่ต้องเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา โดยไส้กรองจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน ถึง 1 ปี ดังนั้นจึงควรคำนวณค่าใช้จ่ายตรงนี้ไว้ด้วยว่าต้องเสียเท่าไหร่ รวมทั้งการดูแลหลังการขายว่าหากเครื่องเสียหรือต้องเปลี่ยนอะไหล่จะสามารถส่งซ่อมและซื้อเปลี่ยนได้ที่ไหน ทั้งนี้ควรสอบถามเรื่องเงื่อนไขการรับประกันจากพนักงานเสนอขายด้วย
สนใจ เครื่องฟอกอากาศ อัจฉริยะ JARTON คลิก
#JARTON #เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ
Login and Registration Form