เมนู Toggle

POPULAR

“อากาศในอาคาร” ร้ายกาจกว่าที่คิด ต้องพิชิตด้วย “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศระบบไฟฟ้าสถิตและยูวี”

“อากาศในอาคาร” ร้ายกาจกว่าที่คิด ต้องพิชิตด้วย “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศระบบไฟฟ้าสถิตและยูวี”

“อากาศในอาคาร” ร้ายกาจกว่าที่คิด ต้องพิชิตด้วย “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศระบบไฟฟ้าสถิตและยูวี”

“การหายใจ” คือสิ่งที่เราขาดไม่ได้

            “อากาศ” คือสิ่งมีค่ามากที่สุดอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ หากร่างกายขาดอากาศเพียง 4 นาทีสามารถทำให้เราเสียชีวิตได้ ซึ่งในแต่ละวันมนุษย์ต้องหายใจเอาอากาศเข้าไปในร่างกายประมาณ 18 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณมากกว่าอาหารและน้ำดื่มที่บริโภคในแต่ละวันถึง 15 เท่า แต่เพราะเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญเท่าที่ควร และบางคนเห็นเป็นเรื่องไกลตัวตราบใดที่ยังไม่ส่งผลกระทบกับตัวเองหรือคนใกล้ตัว

          “มลพิษ” แฝงตัวมากับอากาศ

“อากาศภายในอาคาร” อันตรายไม่ยิ่งหย่อนกว่าภายนอก

การใช้ชีวิตอยู่ในตัวอาคารนั้นอาจป้องกันมลพิษทางอากาศภายนอกได้ส่วนหนึ่ง เพราะลักษณะการก่อสร้างส่วนใหญ่จะเป็นแบบปิดทึบ ลมผ่านเข้า-ออกได้ยาก แต่ลักษณะที่ว่านี้ทำให้ความชื้นภายในอาคารเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของ แบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ในอากาศ

จากงานศึกษาวิจัยสำคัญๆ ในระยะสิบปีที่ผ่านมา ยืนยันไปในทิศทางเดียวกันว่า มลพิษทางอากาศเป็นอันตรายคุกคามสุขภาพมากกว่าที่เราเข้าใจ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่ามีประชากรที่ต้อง “ตายก่อนเวลาอันควร” เนื่องจากมลพิษในอากาศทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านคนต่อปี และในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบราวร้อยละ 10 (ประมาณ 600,000 คน) เมื่อคุณภาพอากาศเลวลง อัตราการไปห้องฉุกเฉินและการเข้าอยู่โรงพยาบาลจะสูงขึ้น เพราะมลพิษทำให้ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่กำเริบ เป็นสาเหตุให้หัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบ หอบหืดกำเริบ และอื่นๆ อีกมากมาย

            นอกจากนี้การศึกษาของ WHO ยังพบอีกว่า 30% ของอาคารทั่วโลกยังมีปัญหาด้านคุณภาพอากาศและอาจมีปริมาณสารมลพิษสูงกว่าภายนอกอาคารถึง 100 เท่า โดยเฉพาะอาคารที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจนำไปสู่การเกิดโรคที่เกิดจากการทำงานในอาคารที่เรียกกว่า อาการป่วยเหตุอาคาร (Sick Building Syndrom) ได้แก่ กลุ่มอาการทางตา จมูก ลำคอ ระบบหายใจส่วนล่าง ระบบประสาท ผิวหนัง เป็นต้น

            สาเหตุของการเกิดมลพิษทางอากาศภายในบ้านและอาคารอาจเกิดจากระบบปรับอากาศที่เสื่อมสภาพ การออกแบบที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานจริง การเพิ่มขึ้นของภาระระบบปรับอากาศ ทั้งปริมาณคน วัสดุอุปกรณ์ สารเคมีจากสเปรย์ น้ำยาทำความสะอาด และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

องค์การอนามัยโลก ได้เผยถึงสถิติตัวเลขที่น่าสนใจจากประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งถึง 3,000 เคส โดยมีสาเหตุมาจากมลพิษของอากาศภายในอาคาร

90% ของผู้ป่วยไข้หวัดได้รับเชื้อผ่านทางอากาศภายในอาคาร และมีเพียง 10% เท่านั้นที่ติดเชื้อจากอากาศนอกอาคาร ทำให้ในปัจจุบัน คุณภาพของอากาศภายในอาคาร หรือ IAQ (Indoor Air Quality) เริ่มเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง สอดคล้องไปกับการให้ความสำคัญมากขึ้น เช่น ในสถานที่สำคัญต่างๆ มีการควบคุมการสูบบุหรี่ภายในอาคาร และงดการใช้สารเคมี สารระเหย ที่มีผลกระทบต่อระบบหายใจ

 

ทำไม “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศระบบไฟฟ้าสถิตและยูวี” จึงจำเป็นสำหรับบ้านและอาคาร?

เพราะมีคุณสมบัติ :

  • ระบบไฟฟ้าสถิต ปล่อยประจุไฟฟ้ากำจัดฝุ่นขนาด 1 - 0.3 ไมครอน / ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ
  • อัตราการกำจัด PM0 มากกว่า 99% (60 นาที)
  • ปล่อยประจุลบกำจัดกลิ่นและควัน
  • ไม่ต้องเปลี่ยนไส้ - แผ่นกรอง
  • พื้นที่การใช้งาน 40 - 60 ตารางเมตร
  • ทำงานเงียบ
  • สั่งการผ่านสมาร์ทโฟน (ดาวน์โหลด JARTON แอปพลิเคชั่น สามารถใช้งานได้ทันที)
  • รองรับ Wi-Fi คลื่น 2.4GHz

เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศระบบไฟฟ้าสถิตและยูวีเป็นเครื่องที่ช่วยกำจัดเชื้อโรค ไรฝุ่น ฝุ่นละออง กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ให้หมดไป ฟอกอากาศในบ้านให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น สูดออกซิเจนได้อย่างเต็มปอด ลดโอกาสการเป็นโรคภูมิแพ้ ช่วยคุณภาพของอากาศภายในบ้านและอาคารดีขึ้น

            เป็นที่ทราบกันดีว่าหากอยากมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง เราควรรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่เนื่องจากปัจจุบันสภาวะแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไปมีมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นการเริ่มหันมาใส่ใจคุณภาพอากาศทั้งจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและในที่พัก ตัวอาคาร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม  

.

.

.

#JARTON #อากาศ #อาคาร #บ้าน #เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศระบบไฟฟ้าสถิตและยูวี #ระบบไฟฟ้าสถิต #หายใจ #มนุษย์ #คน #องค์การอนามัยโลก #WHO

ก่อน ผู้ป่วย COVID19 จะมีอาการอย่างไร
ต่อไป ล็อกบ้านแบบไหน โจรไม่ปลื้ม