เมนู Toggle

POPULAR

9 เทคนิคเลือก “กล้องวงจรปิด” ให้ใช้งานได้ดี เหมาะสมกับพื้นที่

9 เทคนิคเลือก “กล้องวงจรปิด” ให้ใช้งานได้ดี เหมาะสมกับพื้นที่

ปัจจุบัน กล้องวงจรปิด เข้ามามีบทบาทช่วยในการดูแลรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น ทั้งในอาคารและสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดคดีความหรือเหตุการณ์อะไรขึ้นมา กล้องวงจรปิดถือเป็นหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะช่วยยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างไร และมีใครที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นบ้าง ดังนั้น การเลือกกล้องวงจรปิดที่ดี และเหมาะสมกับการใช้งานย่อมนำมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น

  1. คำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้งาน

การเลือกกล้องวงจรปิดนั้น จะต้องเลือกตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการนำมาใช้งาน เช่น ดูแลความปลอดภัยในตัวบ้าน โดยอาจจะใช้แบบกล้อง IP ที่สามารถใช้ตรวจสอบความเรียบร้อยได้ทันทีแม้ไม่อยู่บ้าน หรือไว้ใช้เป็นหลักฐานเมื่อยามเกิดเหตุการณ์ต่างๆ โดยสามารถเลือกได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องคำนึงถึงความละเอียดของกล้องด้วย

  1. เลือกกล้องวงจรปิดที่มีความละเอียดสูง

การเลือกซื้อกล้องวงจรปิดจะต้องเลือกที่มีความละเอียดของภาพสูง แม้ว่าจะต้องจ่ายในราคาที่สูง แต่หากเกิดอะไรขึ้น ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ให้ความละเอียดสูง ย่อมสามารถเก็บรายละเอียดของเหตุการณ์ได้ดีและชัดเจนกว่ากล้องที่มีความละเอียดต่ำ ซึ่งกล้องแบบ IP Camera จะมีความละเอียดตั้งแต่ 1.3 Megapixel ไปจนถึง 5 Megapixel ส่วนกล้องแบบ Analog โดยจะมีหน่วยวัดความละเอียดเป็นทีวีไลน์ (TVL: 600TVL,700TVL,1000TVL) ซึ่งมีความละเอียดสูงสุดเพียง 1,200 TVL หรือเท่ากับ 5 ล้านพิกเซลนั่นเอง หรือวิธีดูง่ายๆ สำหรับความละเอียดกล้องจะบันทึกภาพได้ที่ 1080P, 960P, 720P

  1. ตัดปัญหาการรบกวนจากภายนอกได้

ควรเลือกกล้องวงจรปิดที่ตัวกล้องใช้เลนส์คุณภาพสูงและสามารถหมุนได้วงกลมอิสระ ทั้งยังมีอินฟราเรดที่สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างชัดเจน ตลอดจนสามารถตัดปัญหาแสงจากภายนอกที่จะมาตกกระทบได้ เช่น การติดกล้องบริเวณริมถนน หรือบริเวณที่มีแสงไฟจากรถ กล้องนั้นจะต้องยังคงเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างชัดเจนดังเดิม

  1. เลือกฮาร์ดดิสก์ที่ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ฮาร์ดดิสก์เป็นหัวใจสำคัญของกล้องวงจรปิดเลยก็ว่าได้ ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาด เนื่องจากเป็นปัจจัยในการเก็บข้อมูล ยิ่งกล้องที่มีความละเอียดสูง ยิ่งทำให้ฮาร์ดดิสเต็มเร็วขึ้น รวมทั้งปัญหาการร้อนของฮาร์ดดิสเมื่อต้องใช้งานตลอดเวลา ฉะนั้นจะต้องเลือกฮาร์ดดิสที่สามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมง ทนทานต่อความร้อน และสามารถใช้งานในระยะยาวได้ดี

  1. คำนึงถึงแสงสว่างในบริเวณที่ติดตั้ง

เป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาเมื่อต้องซื้อกล้องวงจรปิด คือแสงสว่างในบริเวณที่จะนำกล้องไปติดตั้ง โดยหากจุดที่ต้องการติดตั้งไม่มีแสงสว่างหรือแสงสว่างค่อนข้างน้อย เช่น ลานจอดรถหรือห้องเก็บของ จำเป็นจะต้องเลือกกล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด (IR Camera) เนื่องจากกล้องวงจรปิดแบบนี้ ตอนกลางวันจะแสดงภาพเป็นภาพสี แต่ในตอนกลางคืนจะมีหลอด LED ตรงหน้ากล้องทำให้เกิดการส่องสว่างได้อย่างอัตโนมัติ และจะแสดงภาพเป็นขาวดำ

  1. ตำแหน่งในการติดตั้งกล้องวงจรปิด

ตำแหน่งในการติดตั้งวงจรปิด มีความสำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ โดยหากจะติดตั้งกล้องนอกตัวอาคาร (Outdoor) ควรเลือกกล้องวงจรปิดแบบ Bullet ซึ่งมีขนาดเล็ก ทรงกระบอก มีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันฝุ่น ทนความร้อน และสามารถทนแดดทนฝนได้ดี อีกทั้งยังสามารถดูภาพได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนการติดกล้องภายในบ้านหรืออาคาร (Indoor) จะเลือกกล้องโดม เพราะทำให้ดูภาพได้อย่างสวยงาม การติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ก็ทำได้สะดวก

  1. รองรับเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน

การเลือกเครื่องบันทึก DVR หรือ NVR จะต้องเลือกตามจำนวนกล้องวงจรปิดที่มีทั้งหมด ส่วนมากบริษัทกล้องวงจรปิดต่างๆ จะผลิตออกมาเป็น 4CH, 8CH, 16CH, 24CH, 32CH และต้องเลือกกล้องให้ตรงกับเทคโนโลยีที่กล้องชนิดนั้นๆ เข้ากันได้ เช่น TVI, AHD, CVI หรือกล้อง Analog ธรรมดา เพราะเทคโนโลยีต่างๆ จะต่อเข้ากันกับเครื่องบันทึก หรือไม่มีภาพ หากไม่สามารถรับกันได้ แต่ DVR รุ่นใหม่จะมีข้อดี คือ สามารถต่อเข้ากับกล้องวงจรปิดแบบอนาล๊อคธรรมดาแบบเก่าได้

  1. เลือกระยะอินฟราเรดให้เหมาะกับการใช้งาน

ระยะอินฟราเรด มีความเหมาะสมที่จะใช้ตอนกลางคืน  โดยอาจจะเลือกเป็นกล้องโดมเพื่อให้มีระยะอินฟราเรดอย่างต่ำในระยะ 10 – 15 เมตร ส่วนกล้องที่ใช้ติดภายนอกอาคารหรือการติดไว้บนอาคารชั้นสอง เพื่อใช้ดูเหตุการณ์ข้างบ้านตอนกลางคืน ควรเลือกระยะอินฟราเรดสักระยะ 20 – 25 เมตร โดยควรเผื่อทิศทางการมองเห็นแนวทแยงที่กล้องส่องถึงด้วย รวมทั้งระยะอินฟราเรดที่ติดในโรงงานหรือโกดังสินค้าที่มีความสูง 10 เมตรขึ้นไป แนะนำให้เพิ่มระยะอินฟราเรดเป็น 25 – 30 เมตร ซึ่งกล้องแบบอินฟราเรดนี้ ยิ่งมีระยะอินฟราเรดไกลเท่าไร ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาเลือกจากความเหมาะสมของราคาด้วยเช่นเดียวกัน

  1. มีการรับประกันสินค้า และบริการหลังการขาย

กล้องวงจรปิดเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง และบางตัวต้องติดตั้งนอกอาคารจึงต้องทำงานกลางแดด ฝน ลม หรือเกิดปัญหาไฟกระชาก ทำให้มีโอกาสเสียหายได้ ดังนั้นจะต้องเลือกซื้อกล้องจากบริษัทที่มีการรับประกันและมีบริการหลังการขายพร้อม เพราะเมื่อเกิดปัญหาก็มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลแก้ไข ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานอุ่นใจในการเลือกใช้กล้องวงจรปิดของบริษัทนั้นๆ มากยิ่งขึ้น ทางบริษัท วันบีลีฟ จำกัด เราให้บริการ ติดตั้งกล้องวงจรปิด ให้คำปรึกษาเรื่อง Spec กล้องวงจรปิด พร้อมรับประกันหลังการติดตั้ง 100%

ก่อน คุ้มค่าอย่างไร? ทำไมควรติดตั้ง “เครื่องกรองน้ำ”
ต่อไป 8 จุดต้องใส่ใจ เพื่อให้บ้านปลอดภัยจากโจร