เมนู Toggle

POPULAR

ทำความสะอาดง่าย JARTON มี 4 ทริกปู “กระเบื้องห้องน้ำ” มานำเสนอ

ทำความสะอาดง่าย JARTON มี 4 ทริกปู “กระเบื้องห้องน้ำ” มานำเสนอ

ห้องน้ำถือเป็นห้องสำคัญที่ทุกบ้านต้องดูแลเอาใจใส่ด้วยการหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ การปูกระเบื้องห้องน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากคุณเลือกปูกระเบื้องไม่ดีก็อาจมีคราบสกปรกฝังแน่นให้ออกแรงขัดกันตั้งแต่เดือนแรกที่ใช้ แต่ถ้าลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ร่วมกับการรักษาความสะอาดที่ถูกต้องล่ะก็ ห้องน้ำแสนสวยของคุณก็จะทำความสะอาดง่ายไม่เปลืองแรงขัดไปอีกนาน

 

ปูกระเบื้องให้เหมาะกับห้องน้ำ

กระเบื้องปูพื้นที่จำหน่ายโดยทั่วไปนั้นมีให้เลือกหลายแบบหลายลวดลาย การเลือกปูกระเบื้องห้องน้ำสวย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ในการเลือกปูกระเบื้องห้องน้ำให้เหมาะสมนั้น คุณควรพิจารณาดังนี้

  1. ประเภทของกระเบื้อง

สำหรับหลาย ๆ คนที่สงสัยว่าจะปูกระเบื้องห้องน้ำแบบไหนดี เราขอแนะนำประเภทกระเบื้องที่เหมาะกับห้องน้ำเพียง 2 แบบคือ กระเบื้องแบบแกรนิตโต้และกระเบื้องแบบพอร์ซเลน ซึ่งกระเบื้องทั้ง 2 ชนิดมีความแข็งแรงทนทาน กันลื่นได้ และอัตราการซึมน้ำต่ำ

ส่วนกระเบื้องแบบเซรามิกก็เป็นที่นิยมเพราะทำความสะอาดง่ายและราคาถูก แต่มักจะมีปัญหาเรื่องความลื่น ส่วนกระเบื้องโมเสกก็นิยมมาตกแต่งผนังห้องน้ำเพื่อความสวยงาม แต่ไม่ควรใช้ปูพื้นเนื่องจากทำความสะอาดได้ยาก

 

ประเภทของกระเบื้องห้องน้ำ และรายละเอียดของกระเบื้องห้องน้ำ

กระเบื้องเซรามิก : กระเบื้องที่ผ่านการเผา 1 หรือ 2 ครั้ง เป็นกระเบื้องที่มีขนาดหลากหลาย และมีโทนสีสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นสีพื้น ๆ เช่น ขาว ดํา ฯลฯ มีวาง จําหน่ายทั่วไป ราคาไม่แพง

กระเบื้องดินเผา : ส่วนใหญ่เป็นงานแฮนด์เมด ราคาค่อนข้างสูง เพราะเป็นงานเผาด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ มีให้เลือกท้ังแบบเคลือบเงาและไม่เคลือบเงา

กระเบื้องโมเสก : มีหลายวัสดุ เช่น แก้ว หิน เรซิน ฯลฯ เป็นกระเบื้องขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร นํามาเรียงกันบนตาข่ายเป็นผืนขนาด 30 × 30 เซนติเมตร นิยมนํามาตกแต่งผนัง เป็นส่วนใหญ่

กระเบื้องโมเสกแก้ว : เป็นกระเบื้องที่ทําจากชิ้นงานแก้วมาขึ้นรูป ภายในตกแต่งด้วยลวดลายต่าง ๆ

กระเบื้องแกรนิตโต้ : เป็นกระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ มีความแข็งแรงและแกร่งมาก เนื่องจากมีส่วนผสมของหินแกรนิต เหมาะกับการปูพื้นและผนัง

กระเบื้องพอร์ซเลน : เป็นกระเบื้องที่มีความทนทานที่สุด กระเบื้องทั้งแผ่นรวมถึงเนื้อสีภายในเป็นสีเดียวกัน สามารถใช้ปูได้ทั้งผนังและพื้น

 

  1. ขนาดของกระเบื้อง

ยิ่งกระเบื้องห้องน้ำมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ร่องยาแนวที่ชอบกักเก็บคราบสกปรกก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น และถ้าเป็นห้องน้ำขนาดเล็กก็อาจใช้กระเบื้องปูพื้นเพียงไม่กี่แผ่นด้วย

นอกจากนี้เวลาเลือกกระเบื้อง โปรดสังเกตขอบกระเบื้องด้วยว่าเป็นกระเบื้องตัดขอบหรือไม่ เพราะถ้าใช่ คุณก็จะสามารถปูกระเบื้องห้องน้ำแต่ละแผ่นได้ชิดติดกันมากขึ้น ลดความกว้างของเส้นยาแนวเจ้าปัญหาลงได้อีกพอสมควรเลยทีเดียว

 

  1. สีของกระเบื้อง

น่าเสียดายที่เราต้องแนะนำว่าสีของกระเบื้องก็มีผลต่อความสะอาดของห้องน้ำด้วย เพราะถ้าเลือกปูกระเบื้องด้วยโทนสีเข้ม เช่น สีดำ สีเทา หรือสีน้ำเงิน คราบไคลสบู่ขาวขุ่นที่ขัดออกยากก็จะปรากฏให้เห็นชัด ส่วนคราบสกปรกสีดำที่เห็นได้ชัดบนกระเบื้องสีอ่อน เช่น สีขาว หรือสีครีม คุณก็จะสังเกตเห็นและทำความสะอาดคราบเหล่านั้นได้ง่ายกว่ากระเบื้องสีเข้ม อีกทั้งสีอ่อนยังช่วยทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นอีกด้วย

 

  1. ค่ากันความลื่น

นิยามของกระเบื้องปูห้องน้ำที่เหมาะสมคือ ด้านแต่ไม่หยาบ เพราะพื้นห้องน้ำต้องไม่ลื่นเมื่อเปียก แต่ก็ต้องไม่หยาบจนยากต่อการทำความสะอาด ซึ่งสังเกตได้ง่าย ๆ จากความเงาและสัมผัสความเรียบลื่นของพื้นผิวกระเบื้องก่อนตัดสินใจซื้อ และกระเบื้องโดยทั่วไปยังมีค่ากันความลื่น (Slip Resistance) ระบุให้คุณทราบด้วย

โดยกระเบื้องที่เหมาะกับห้องน้ำควรมีค่ากันความลื่นระหว่าง R9-R13 และเหมาะสมที่สุดในระดับ R10

 

ปูกระเบื้องห้องน้ำให้ทำความสะอาดง่าย

เมื่อเลือกกระเบื้องที่เหมาะสมได้แล้ว ไม่ว่าคุณจะปูกระเบื้องห้องน้ำเองหรือจ้างช่าง และไม่ว่าจะเป็นปูกระเบื้องห้องน้ำใหม่หรือปูกระเบื้องห้องน้ำทับกระเบื้องเก่า ก็ถึงเวลาคำนึงถึงความง่ายต่อการทำความสะอาด ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้

 

  1. ใช้ยากันแนวกันเชื้อรา

ยากันแนวกันเชื้อยาที่ผสมสารไมโครแบน (Microban) นั้นมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราและแบคทีเรียไม่ให้ก่อตัวบนร่องกระเบื้องที่ยาแนวไว้ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีในการป้องกันเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นตามซอกขอบที่อับชื้นของห้องน้ำ

แต่ทั้งนี้ยังมีความเข้าใจผิดกันอยู่ว่ายาแนวกันเชื้อราจะทำให้ยาแนวกระเบื้องขาวสะอาดอยู่เสมอ เพราะถ้าผู้ใช้ชะล่าใจไม่หมั่นทำความสะอาด ยาแนวกันเชื้อราก็อาจมีรอยดำจากคราบสกปรกอื่น ๆ ได้เหมือนกัน

 

  1. ใช้น้ำยาเคลือบกระเบื้อง

น้ำยาเคลือบกระเบื้องนั้นมีให้เลือกหลากหลายคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบเงา เคลือบกันลื่น เคลือบกันน้ำซึม หรือเคลือบกันน้ำเกาะพื้นผิว และมีจำหน่ายหลายยี่ห้อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำให้ห้องน้ำดูสะอาดสดใสและทำความสะอาดง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้การเลือกใช้น้ำยาเคลือบประเภทนี้มักจะอยู่ไม่ทนทานเมื่อผ่านการใช้งานนาน ๆ คุณจึงควรเคลือบห้องน้ำใหม่ทุก 3-6 เดือนเพื่อรักษาคุณสมบัติของน้ำยาเคลือบไว้

 

  1. แบ่งโซนเปียกและแห้ง

การแบ่งฝั่งห้องน้ำเปียกและห้องน้ำแห้งนั้นเป็นวิธีที่แสนเรียบง่ายแต่ได้ผลมากที่สุด เพราะนอกจากจะจำกัดขอบเขตความเปียกและคราบสกปรกไม่ให้ไหลเลอะเทอะไปทั่วห้องน้ำแล้ว ยังช่วยลดพื้นที่ที่คุณต้องขัดถูลงน้ำยาจำกัดคราบสกปรกให้น้อยลงด้วย ส่วนพื้นที่โซนแห้งก็แค่กวาดถูตามปกติแล้วนาน ๆ ค่อยขัดสักทีก็ยังสะอาดใหม่เหมือนกัน โดยคุณสามารถแยกโซนได้ง่าย ๆ ด้วยการก่อขอบกั้นหรือใช้ถาดรองอาบน้ำ แล้วใช้ฉากกั้นหรือม่านกันน้ำกระเซ็นควบคู่กันด้วย

 

  1. เคล็ดลับการปูกระเบื้อง

สำหรับการปูกระเบื้องเอง คุณจำเป็นต้องถามผู้ขายก่อนว่าปูกระเบื้องห้องน้ำกี่วันจึงใช้ได้ เนื่องจากแต่ละวัสดุที่ใช้จะมีเวลาเซตตัวไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าใช้กาวซีเมนต์จะต้องรอ 24 ชั่วโมงจึงยาแนวได้ และต้องรออีก 7 วันเพื่อให้เซตตัวจนเข้าใช้พื้นที่ได้ ส่วนการจ้างช่างปูกระเบื้องห้องน้ำ ราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันบาท และใช้เวลารอเพียง 3-4 วันหากผู้รับเหมาเลือกใช้ปูนทรายก่อสร้างทั่วไป

 

          สุดท้ายนี้ความสะอาดของห้องน้ำก็ยังขึ้นอยู่กับความถี่ในการดูแลรักษาและการเลือกใช้น้ำยาขจัดคราบที่เหมาะสมกับพื้นผิวกระเบื้อง ไม่เพียงเท่านี้ ยาแนวก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่คุณต้องพิจารณา เพื่อรักษาห้องน้ำแสนสวยของคุณให้ทนทานและดูน่าใช้อยู่เสมอ คุณและแขกผู้มาเยือนก็จะประทับใจกับห้องน้ำได้ทุกเวลา

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
ก่อน “เต้ารับปลั๊กไฟ” แบบไหนควรเปลี่ยนให้ไว? ก่อนเกิดเหตุร้าย
ต่อไป ซื้อแอร์ใหม่ ทำไม? ควรเลือกรุ่นที่ใช้น้ำยา R32