เมนู Toggle

POPULAR

“หุ่นยนต์ดูดฝุ่น” VS “เครื่องดูดฝุ่น” ดีต่างกันอย่างไร..ไปดูกัน

 “หุ่นยนต์ดูดฝุ่น” VS “เครื่องดูดฝุ่น” ดีต่างกันอย่างไร..ไปดูกัน

 

        ปัญหาที่หลายคนต้องการคำตอบ ว่า เครื่องดูดฝุ่นธรรมดา หรือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกันแน่ ที่เหมาะสมตรงใจกับการใช้งานของเรา แล้วหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมันดีจริงมั้ย? จะทำความสะอาดสู้คนได้หรือเปล่า?

 

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกินไฟจริงไหม?

        หากเทียบกันระหว่าง เครื่องดูดฝุ่นแบบธรรมดา กำลังไฟฟ้าที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 625 – 1,000 วัตต์/ชั่วโมง หรือบางเครื่องที่กำลังไฟมากหน่อย อาจจะใช้ถึง 1,500 – 2,000 วัตต์/ชั่วโมง โดยถ้าเทียบเป็นหน่วยไฟบ้าน

 

1,000 วัตต์ = 1 หน่วย หรือ 1 ยูนิตนั่นเอง

 

เปรียบเทียบกัน

 

เครื่องดูดฝุ่น

เครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็ก

ใช้งาน 1 ชั่วโมง =  1 ยูนิต = 4 บาท

แต่ถ้าคุณใช้เครื่องดูดฝุ่นเป็นเวลา 2 ชั่วโมง และใช้เครื่องดูดฝุ่นที่กำลัง 2,000 วัตต์ ก็จะใช้ไฟฟ้าไปถึง 4 ยูนิต     

 

เครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่

ใช้งาน 2 ชั่วโมง = 4 ยูนิต = 16 บาท

 

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นขนาดเล็ก

ทำงาน 1 ชั่วโมง

จะใช้ไฟเพียง  0.25 ยูนิต = 1 บาท

        ส่วนเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นใช้ไฟฟ้าที่สะสมไว้ในตัว 800 - 2,000 mah/รอบ หรือประมาณ 60 – 90 นาที ซึ่งอาจพูดได้ว่าแบตเตอรี่มีขนาดเล็กกว่า Power Bank ซะอีก และการทำงานโดยเฉลี่ยของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น จะใช้ไฟเพียง 250 – 650 วัตต์/ชั่วโมง

 

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นขนาดใหญ่

ทำงาน 1 ชั่วโมง

จะใช้ไฟ 1 ยูนิต = 4 บาท เท่านั้นเอง

 

            จากการคำนวณค่าไฟเบื้องต้น จะเห็นได้ว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่นไม่ได้กินไฟอย่างที่คิด นอกจากที่คุณไม่ต้องมาเหนื่อยทำความสะอาดบ้านเองแล้ว ยังประหยัดค่าไฟกว่าเห็นๆ

 

แบบไหนเสียงดังกว่ากันนะ?

Noise Level  (ระดับความดังของเสียง)

        คือระดับความดังของเสียงขณะที่ เครื่องหุ่นยนต์ดูดฝุ่น กำลังทำงาน หน่วยวัดเป็นเดซิเบล (dB) ซึ่งระดับความดังมาตรฐาน ในแต่ละระดับของ

 

        - ระดับเสียง 20 dB คือ เสียงใบไม้เคลื่อนไหวในสายลม

        - ระดับเสียง 30 dB คือ พูดแบบกระซิบกระซาบ

        - ระดับเสียง 40 dB คือ เขตชุมชนที่อยู่อาศัยที่อยู่กันอย่างสงบ

        - ระดับเสียง 50 dB คือ เสียงคอมเพรสเซอร์นอกอาคาร ของ เครื่องปรับอากาศ

        - ระดับเสียง 60 dB คือ ระดับเสียงการสนทนากันแบบปกติ

       - ระดับเสียง 62- 76 dB คือ เสียงหุ่นยนต์ดูดฝุ่น( Vacuum Cleaner ) ทั่วๆ ไป

        - ระดับเสียง 80-87 dB คือ เครื่องดูดฝุ่นธรรมดา

        - ระดับเสียง 90 dB คือ เสียงสุนัขเห่า

         ความดังโดยเฉลี่ยของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนั้น เบากว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อตัวเราเองและเพื่อนบ้านรอบข้าง ยิ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่ติดๆ กัน ไม่ว่าจะบ้าน หรือคอนโด รับรองว่าไม่มีปัญหาเพื่อนบ้านมาร้องเรียนแน่นอน

 

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ดีกว่าเครื่องดูดฝุ่นธรรมดาจริงหรือ ?

         ในปัจจุบัน เครื่องดูดฝุ่นมีหลากหลายประเภทมาก ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับการใช้งานต่างกัน ดังนี้

- เครื่องดูดฝุ่นน้ำ ใช้ดูดได้ทั้งพื้นแห้งและพื้นเปียก

- เครื่องดูดฝุ่นแห้ง ใช้ได้กับพื้นผิวทั่วไป โดยเฉพาะพื้นแข็งอย่างกระเบื้อง ปูน ไม้ รวมถึงพื้นพรมก็ใช้ได้

- เครื่องดูดฝุ่นสะพายหลัง ใช้กับพื้นที่แคบ ที่ต้องการความคล่องตัว หรือ ซอกเล็กๆ เช่น มุมเพดาน ใต้บันได

- เครื่องดูดฝุ่นตะกรุยพรม ใช้เฉพาะกับพรม เพื่อดูดสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ใต้พรมออกมา

- เครื่องดูดฝุ่นแบบหุ่นยนต์ เน้นความสะดวกสบาย เหมาะกับคนเวลาน้อย ตั้งค่าต่างๆ ได้เอง

         จะเห็นได้ว่าความหลากหลายของเครื่องดูดฝุ่นนี้ชนะในเรื่องการทำความสะอาดแบบเฉพาะจุด  ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นต้องยอมแพ้แต่โดยดี

         แต่ถ้าเป็นเรื่องการทำความสะอาดพื้น ถือว่าสูสีเบียดกันเข้าเส้นชัย เพราะคุณสมบัติของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนั้น มีแรงดูดอันทรงพลังจึงสามารถกำจัดเส้นผมหรือขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างราบคาบ หมดปัญหาเส้นผมต่างๆ ติดแปรง แล้วต้องมาเสียเวลานั่งแกะกันให้ยุ่งยาก ส่วนถ้าเป็นเศษขยะชิ้นใหญ่ ก็จะใช้ฟังก์ชันแปรงปัดเข้าสู่กล่องเก็บขยะ

        และในเมื่อชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะ เราจะสั่งการให้มันทำงานเวลาไหนก็ย่อมได้ โดยใช้ฟังก์ชันตั้งเวลาทำความสะอาดก่อนออกจากบ้าน กลับบ้านมาบ้านสะอาดใสปิ๊งเหมือนได้บ้านหลังใหม่ รับรองได้ว่าคุณภาพไม่เหมือนเรากวาดบ้านเองแน่นอน เพราะเวลาเรากวาดบ้านเองเศษผง เศษฝุ่น ก็จะปลิวลอยอยู่ในอากาศและจะตกลงสู่พื้นอยู่ดี หรือไม่ก็ตกค้างอยู่ตามซอกตามมุมบ้าน แล้วแบบนี้เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า บ้านจะสะอาดไร้ฝุ่น 100%

        แต่หากคุณใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่น มันไม่ใช่การปัดกวาดฝุ่นเหล่านั้นไปที่อื่น แต่เป็นการดูดเอาเศษฝุ่นเศษขยะต่างๆ เข้าภายในตัวเครื่อง และถ้ายิ่งเป็นรุ่นที่มีพลังของแรงดูดมากๆ ด้วยแล้ว โอกาสที่ฝุ่นจะปลิวไปที่อื่นหรือเล็ดลอดออกไปแทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว

        นอกจากนี้จุดเด่นที่น่าสนใจอีกข้อของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น คือ บางรุ่นสามารถติดตั้งแทงค์น้ำและผ้า เพื่อทำความสะอาดได้ด้วย เรียกได้ว่า ดูดฝุ่นเสร็จก็ถูต่อได้เลย

        แล้วถ้าเป็นพื้นไม้ล่ะ?  ไม่ต้องกังวลครับ เจ้าตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ปล่อยน้ำบนผ้าในความหมาดที่เหมาะสม อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดได้ด้วย เพราะฉะนั้นหมดห่วงว่าพื้นไม้จะเสีย

        สำหรับคนที่ไม่เคยใช้มักจะกังวลกันเสมอก่อนที่จะซื้อ ว่ามันคุ้มแล้วหรอที่จะเปลี่ยน ราคาค่อนข้างสูงเลยนะ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของความคุ้มรับรองได้เลยว่า มันคุ้มมากๆ แน่นอน

        คุ้มที่ไม่ต้องมาเหนื่อยทำความสะอาดเองหลังเลิกงาน, คุ้มที่ไม่ต้องมาเสียเวลา, คุ้มที่ค่าไฟถูกกว่า, คุ้มที่ประหยัดพื้นที่กว่า ไม่จำเป็นต้องถอดประกอบเหมือนเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป และไม่ต้องหาที่เก็บให้วุ่นวาย เพราะถ้าคุณอยู่คอนโดที่มีขนาดห้องที่กำจัด การหาพื้นที่เก็บเครื่องดูดฝุ่นนี่ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเลย หุ่นยนต์ดูดฝุ่นจึงเหมาะมาก เพราะกินพื้นที่แค่กระเบื้องไม่กี่แผ่นเท่านั้นเอง

 

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดได้ตรงจุดขนาดไหน?

– มีระบบเซ็นเซอร์ ไม่ต้องกลัวตกบันได ( ส่วนมากจะมีประกันรับรองในกรณีตกมาเสียหาย )

– สามารถทำความสะอาดข้ามห้องได้

– จดจำพื้นที่ได้แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการวางของ หรือ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง

– ตั้งวันเวลาที่อยากให้ทำความสะอาดล่วงหน้า ในกรณีที่ไม่อยู่บ้าน

– สร้างกำแพงจำลองบน Application ขึ้นมาสำหรับพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เข้าไปทำความสะอาด

– บ้างรุ่นทำความสะอาดได้กว้างถึง. 250 ตร.ม.

– ใช้งานได้กับแทบจะทุกพื้นผิว เช่น พื้นไม้, กระเบื้อง, พื้นกระเบื้องยาง, พื้นหินอ่อน,พรมขนสั้น ฯลฯ

 

สรุป

        สุดท้ายนี้ คนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงได้รู้แล้วว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น มีความคุ้มค่าและฉลาดขนาดไหน ซึ่งเหมาะมากสำหรับ

- แม่บ้าน พ่อบ้าน ที่มีงานบ้านต้องทำมากมาย

- คนที่ไม่มีเวลามาทำความสะอาด ต้องทำงานตลอดทั้งวัน

- พักอยู่ คอนโด บ้าน หรือ ที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด

- คนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ จะเดินทางกี่วันกลับมาบ้านก็สะอาด

- คนที่เลี้ยงสัตว์ที่มีขน เพราะขนของสัตว์เลี้ยงที่ร่วงตลอดทั้งวัน

.

.

JARTON Robotic หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะระบบโจโรสไคป

 

คุณสมบัติ / Features

- รองรับระบบ Wi-Fi คลื่น 2.4 GHz

- พลังดูดปรับได้สามระดับสูงสุดที่ 1,500 pa

- ระบบทำความสะอาด 3 ขั้นตอน ดูดฝุ่น, กวาดฝุ่น, ถูพื้น

- ต้านการชน-การตกจากขอบด้วย sensor 8 ตัว

- ความจุแบตเตอรี่ 4,400 mAh พร้อมแท่นชาร์จอัตโนมัติ

- เวลาในการใช้งานสูงสุด 150 นาที

- สร้างแผนที่ตอนทำงานได้ (เหมาะสำหรับพื้นที่ 200 ตร.ม.)

- เวลาในการชาร์จ 3-4 ชม.

- ความจุถังขยะ 650 มล. / ถังน้ำ 150 มล.

- คุณภาพดี มีรับประกันสินค้า

.

.

สนใจหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ JARTON บ้านสะอาดสะดวกสบาย สั่งการได้ทุกที่ สินค้าคุณภาพได้มาตรฐานคลิก

ก่อน ชวนทำความรู้จัก ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 กับเบอร์ 5 ติดดาว ต่างกันอย่างไร
ต่อไป 6 ทริกประหยัดไฟในบ้าน ลดค่าไฟได้ผลจริง