เราใช้คุกกี้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของคุณดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งใหม่ของ e-Privacy เราจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณในการตั้งค่าคุกกี้ เรียนรู้เพิ่มเติม
วิวัฒนาการ “เครื่องกรองน้ำ” เป็นมาอย่างไร ไปดูกัน
น้ำดื่มที่เรานำมาใช้บริโภคกันนั้น มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และโรงงานทำน้ำประปา จากในอดีตมีวิธีทำให้น้ำบริสุทธิ์ ดังนี้
ใส่สารเคมีลงในน้ำ เช่น คลอรีน, สารส้ม
ในอดีต ก่อนนำน้ำมาใช้ดื่มเราใช้วิธีทำให้น้ำตกตะกอนด้วยการแกว่งสารส้ม หรือหยดคลอรีน ทิ้งไว้ค้างคืน วิธีการกรองแบบนี้แยกได้เฉพาะส่วนที่เป็นตะกอน แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคขนาดเล็กได้ จึงต้องนำน้ำไปต้มก่อนดื่ม
ใช้ไส้กรองคาร์บอน (หรือถ่าน)
ลำดับต่อมามีการคิดค้นวิธีทำน้ำให้บริสุทธิ์ด้วยการผ่านไส้กรองคาร์บอน เพื่อดักจับธาตุต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ทำให้น้ำมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือใช้กรองน้ำที่ผ่านคลอรีนมาแล้ว
ใช้ไส้กรองอื่นๆ เช่น ซิลิกา (หรือทราย)
หลังจากวิธีนำคาร์บอน หรือถ่าน มาช่วยดูดกลิ่นคลอรีน ก็มีการค้นคว้าส่วนประกอบอื่นๆ มาใช้กับไส้กรอง เพื่อให้น้ำบริสุทธิ์มากขึ้น ในช่วงเวลาต่อมาใช้ทราย หรือซิลิกามาเป็นไส้กรองเครื่องกรองน้ำ และมีไส้กรองบางประเภทที่ดักจับจุลินทรีย์ขนาดเล็กไม่ให้ปนเปื้อนมากับน้ำได้ด้วย
ใช้ระบบ RO (Reverse Osmosis)
เมื่อมีการค้นพบไส้กรองที่ช่วยให้น้ำบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ก็มีวิธีการคิดค้นใช้ไส้กรองหลายๆ ชั้นร่วมกัน เพื่อให้น้ำผ่านเครื่องกรองน้ำได้สะอาดที่สุด น้ำที่ผ่านระบบ RO (Reverse Osmosis) เป็นที่ยอมรับในการใช้ดื่ม นำมาประกอบอาหาร เครื่องกรองน้ำระบบ RO ใช้หลักการให้ผ่านไส้กรองหลายชั้นและผ่านเยื่อคัดกรองอนุภาคอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้มั่นใจในความสะอาด
ใช้แสงยูวีฆ่าเชื้อ (UV Filters)
การฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องกรองน้ำ เริ่มใช้เทคโนโลยีแสงยูวีมาใช้ฆ่าเชื้อ ด้วยคลื่นแสงที่มีประสิทธิภาพทำลายดีเอ็นเอของเชื้อโรคได้ ทำให้เครื่องกรองน้ำชนิดนี้กำจัดสิ่งสกปรกได้ถึง 99% จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
สนใจ เครื่องกรองน้ำ JARTON คลิก
Login and Registration Form