เรื่องที่คุณควรรู้..เมื่อต้องเลือกซื้อสายฉีดชำระเข้าบ้าน

       ห้องน้ำเป็นอีกห้องหนึ่งของบ้านที่ค่อนข้างมีการเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยครั้ง เนื่องจากมีความชื้นและเชื้อโรคสะสมอยู่มากมาย และยังเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานตลอด จึงอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ง่ายกว่าห้องอื่น ๆ "สายฉีดชำระ" ก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มักจะมีปัญหารั่วซึมเมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆ และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนบางคนอาจจะไม่แน่ใจว่าสายชำระที่เราจะซื้อนั้นมีคุณภาพดีหรือไม่ จะประสบปัญหารั่วซึมอีกหรือเปล่า

        ในบทความนี้ JARTON จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสายฉีดชำระมาให้ผู้อ่าน ตั้งแต่วิธีการเลือกซึ่งจะมีรายละเอียดความแตกต่างของวัสดุ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตัวสายฉีด เพื่อช่วยให้คุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับสายฉีดชำระมากขึ้นและช่วยในการตัดสินใจซื้อสายฉีดชำระได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการเลือกสายฉีดชำระ

       หากคุณต้องการติดตั้งหรือเปลี่ยนสายฉีดชำระสักชุด แน่นอนว่าจะต้องเลือกแบบที่ทนทาน สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและยาวนานที่สุด เพราะถึงแม้ว่าสายฉีดชำระจะมีราคาที่ไม่สูงมากนัก แต่การเปลี่ยนหนึ่งครั้งก็ต้องเจาะรูใหม่ที่ผนังเพื่อติดตั้งชุดแขวน และคงไม่ดีแน่หากผนังของคุณเต็มไปด้วยรูเจาะ ดังนั้น การเลือกสายฉีดชำระค่อนข้างสำคัญไม่น้อย

1. เลือกจากประเภทของวัสดุ

สายฉีดชำระที่วางจำหน่ายมีหลากหลายวัสดุให้เลือกซื้อ เช่น

         - พลาสติก : ราคาย่อมเยา แต่มีข้อเสีย คือ แตกหักได้ง่ายหากทำตกพื้นบ่อยครั้ง 

         - สเตนเลส : ให้ความรู้สึกหรูหรา แข็งแรง ทนทาน แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็มีโอกาสขึ้นสนิมได้

         - โครเมียม : มีความทนทานสูง ดูเงางาม และขึ้นสนิมได้ยาก แต่ราคาค่อนข้างสูง

         - ABS ชุบโครเมียม : มีความทนทานสูง ดูเงางาม ไม่ขึ้นสนิม ราคาถูก ใช้งานได้ยาวนาน

2. เลือกจากลักษณะของสายฉีดชำระ

        สายฉีดชำระไม่ได้มีเพียงทรงกลมที่เห็นทั่วไปเท่านั้นนะคะ ยังมีรูปทรงและแบบอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบ หัวเล็ก แบบหัวฉีดฝัง แบบสีพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีหัวกดให้เลือกตามความถนัดมือ รวมถึงสายของ สายฉีดชำระ มีความแข็งแรงทนทานและให้ความรู้สึกในการตกแต่งห้องน้ำที่แตกต่างกันอีกด้วย

3. เลือกขนาดและความยาวให้เหมาะสม

        ขนาดของห้องน้ำแต่ละบ้านไม่เท่ากัน การวางชักโครกก็แตกต่างเช่นกัน ดังนั้น การติดตั้งสายฉีดชำระควรอยู่สูงจากพื้นประมาณ 0.45 เมตร และห่างจากชักโครกในระยะที่แขนเราเอื้อมถึง ส่วนมากจะติดตั้งสายฉีดชำระทางด้านขวาของชักโครก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการติดตั้งสายฉีดชำระ ขึ้นอยู่กับความถนัดและระยะของตัวสต็อปวาล์วที่ติดตั้งเอาไว้อยู่แล้วอีกด้วย

            หากเป็นคอนโดที่ห้องน้ำมีพื้นที่แคบ การเลือกสายฉีดชำระจึงควรมีขนาดกะทัดรัดเพื่อให้สมดุลกับขนาดของห้องน้ำ แต่หากเป็นห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นคุณสามารถเลือกสายฉีดชำระที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาตามที่คุณต้องการได้

       ในส่วนของความยาวสายยาง หรือ สายน้ำฉีดชำระนั้น สายฉีดชำระแบบเป็นชุดส่วนใหญ่จะมีสายขนาดมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร ให้มาพร้อมติดตั้ง ซึ่งกรณีที่คุณต้องการเปลี่ยนเฉพาะสายยาง หรือสายฉีดชำระ  ก็จะต้องทำการวัดขนาดให้เหมาะสม เพราะหากสายยาวมากเกินไปจนกองอยู่บริเวณพื้น ก็จะทำความสะอาดได้ยากและพื้นที่ก็จะยิ่งดูแคบลงไปอีกด้วย

4. ลักษณะหัวกดฉีดชำระ

        หากแบ่งประเภทของหัวกดฉีด หรือ หัวฉีดชำระ ที่อยู่บนสายฉีดชำระ จะเห็นได้ว่ามีอยู่ 2 แบบ นั่นก็คือ หัวกดที่อยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นแบบที่เราเห็นกันได้บ่อยที่สุด เพราะใช้งานง่ายและถนัดมือ สามารถดันขึ้นเพื่อให้สายน้ำไหลต่อเนื่องได้ ส่วนหัวกดด้านในเป็นดีไซน์ค่อนข้างใหม่ ทำให้ห้องน้ำของคุณดูทันสมัยขึ้นและช่วยให้ไม่เผลอกดทันทีที่หยิบหรือจับ

5. ลักษณะของสายยาง

        หนึ่งในส่วนประกอบของสายฉีดชำระที่สำคัญไม่ต่างจากส่วนอื่นๆ เลยก็คือ "สายยาง" ซึ่งเป็นส่วนที่ต่อกับสต็อปวาล์วและท่อน้ำที่อยู่ด้านใน และเป็นตัวนำน้ำให้ไหลออกมาทางหัวฉีด

โดยทั่วไปจะเห็นว่าสายยางมีแบบ "แบบเรียบสีขาว" ที่มีลักษณะเป็นสายตรงไม่มีข้อและนิ่มเล็กน้อย ส่วนใหญ่ทำจากพลาสติก PVC ซึ่งมีข้อดีคือ ราคาไม่แพง  และเพิ่มความแข็งแรงโดยการ เพิ่งใยแก้ว ทำให้ทนต่อแรงดันน้ำได้มากขึ้น อีกแบบหนึ่งคือ "แบบถักหรือแบบสแตนเลสดับเบิ้ลล๊อค" ที่หุ้มด้านนอกด้วยโลหะ มีข้อดี คือ ค่อนข้างยืดหยุ่น ทำให้สามารถงอได้ ลดแรงสะบัดเวลาใช้งาน ยากต่อการเสียหาย

6. การรองรับแรงดันน้ำ

        เนื่องจากสายฉีดชำระมีการใช้ตัวฉีดเพื่อดันน้ำออกมาจากหัวชำระ วัสดุของสายและหัวฉีดชำระจึงต้องรองรับต่อแรงดันน้ำได้ดีพอสมควร เพราะหากโดนแรงดันน้ำที่มีความแรงมากบ่อยครั้ง อาจส่งผลให้ชุดสายฉีดชำระเสียได้ง่ายขึ้น

ชิ้นส่วนที่มีผลต่อแรงดันน้ำส่วนแรกคือ ส่วนสายยางที่อยู่ด้านในซึ่งอาจบวม หากโดนแรงดันน้ำที่มากเกินที่จะรับได้ และอีกส่วนคือ หัวฉีดที่สามารถแตกหักจนทำให้น้ำไหลหรือหยดไม่หยุดได้ ดังนั้น ทั้งสองส่วนนี้จะต้องรับแรงดันน้ำได้ดี

7. พิจารณาจากความเหมาะสมในการเปลี่ยนสายฉีดชำระ

        บางครั้งเมื่อสายฉีดชำระเสียอาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุดเสมอไป เช่น หัวฉีดน้ำมีน้ำซึมอันเกิดจากเศษตะกอนน้ำประปา ก้านหัวกดฉีดอาจหักเนื่องจากทำหัวฉีดชำระตกพื้นบ่อยครั้ง หรือสายยางเมื่อใช้งานไปนานๆ อาจเกิดการเสื่อมสภาพและรั่วซึม ปัญหาที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น คุณสามารถเลือกเปลี่ยนแค่เพียงหัวฉีดชำระหรือสายยางได้ตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุดเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณด้วย